เรื่อง: ธนัชชา โยธี

LOUDER – เดชอุดมภาพยนตร์ หรือเดชอุดมเธียเตอร์ เป็นโรงหนังเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของคนอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี’ ยาวนานถึง 64 ปีแล้ว

โรงหนังสังกะสี

กิตติพงษ์ เทียมสุวรรณ เจ้าของโรงหนังเดชอุดมเธียเตอร์เล่าว่า เดิมทีชื่อว่า ‘เดชอุดมภาพยนตร์’ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2502” โดย ชวน เทียมสุวรรณ เป็นโรงหนังแห่งแรกในอำเภอเดชอุดม คนที่นี่เรียกว่าโรงสังกะสี เพราะมุงด้วยสังกะสี (สมัยนั้นยังไม่ก่อสร้างด้วยปูน) และสังกะสีก็ไม่ติดไฟ

“ตอนนั้นขายตั๋วหนังราคา 50 สตางค์ ต่อมาก็ 1 บาท ผมเกิดมาในยุคที่มีธนบัตรใบละบาท 1 บาท แล้วปี 2540 ก็เปลี่ยนจากโรงล้อมสังกะสีมาเป็นแบบปัจจุบัน”

เดชอุดมภาพยนตร์เป็นโรงหนังขนาดใหญ่ที่จุผู้ชมได้ 800 ที่นั่ง ก่อนจะปรับตัวเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เดชอุดมมินิเธียเตอร์’ และเป็น ‘เดชอุดมเธียเตอร์’ ในปัจจุบันโดยแบ่งเป็น 2 โรง คือ โรง A และ โรง B เพื่อรองรับจำนวนหนังที่มีมากขึ้น  

กิตติพงษ์เล่าว่า สมัยก่อนกับปัจจุบัน สมัยก่อนรายได้ดีกว่าปัจจุบันนี้ ตอนนั้นฉายหนังหนึ่งรอบ โรงหนังเราบรรจุได้ 800 คน เก็บค่าตั๋วหนังคนละบาทก็ได้ 700 ถึง 800 บาทต่อรอบ การเก็บค่าตั๋วหนังใบละบาทในตอนนั้น เวลาเก็บไม่ได้เก็บ เหมือนธนบัตรปัจจุบัน จะยัดใส่ปี๊บเลยเพราะว่าใบละ 1 บาท 1,000 บาทก็มีใบละ 1 บาท 1,000 ใบ (หัวเราะ)  ต่อมาเราก็เก็บค่าตั๋วหนัง 3 บาท ถึง 4 บาท

ตอนแรกเดชอุดมภาพยนตร์ฉายภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 16 มม. คือฟิล์มที่ผ่านช่องมีความกว้างแค่ 1.6 เซนติเมตร  ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นฟิล์ม 35 มม. ก็ต้องเปลี่ยนหัวฉาย เปลี่ยนจอ เปลี่ยนเตาฉาย

“ปัญหาของเตาฉายคือมีควันเยอะ แสงไม่คงที่ บางครั้งหนังก็ดับบ้าง หนังก็มืดบ้าง ฟิล์มไหม้บ้าง ถ้าคนที่เคยดูหนังกลางแปลงก็จะเคยเห็นฟิล์มไหม้ ที่มันไหม้ก็เพราะว่าระบบมันไม่เสถียร  เครื่องฉายหนังที่โรงหนังของเราทั้งเครื่อง 16 มม. และเครื่อง 35 มม. เป็นเครื่องที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งราคาเครื่องใช้ในสมัยนั้นก็ไม่ถึง 10,000 บาทเราก็สามารถที่จะเก็บเงินได้ เพราะเราสามารถเก็บเงินบาทได้เยอะ”

“เครื่องฉายพวกนี้ก็มีคนมาถามซื้อแต่ผมก็ไม่ขาย ผมอยากเก็บไว้ให้คนอื่นได้ดู เพราะชีวิตคือการแบ่งปัน”กิตติพงษ์กล่าว

“ต่อมาก็มีการเปลี่ยนหัวฉายเป็นหลอดซีนอน และได้เปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัลในปัจจุบัน เครื่องหนึ่งก็ประมาณ 2 ล้านบาท ระบบเสียงอีกประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งที่ฉายอยู่ทุกวันนี้เฉพาะค่าวัตถุดิบแมททีเรียล ที่เป็นระบบฉายมีมูลค่าประมาณ 5-6 ล้านบาท”

แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น แต่กิตติพงษ์เองยืนยันที่จะดำเนินกิจการโรงหนังต่อ ด้วยความรู้สึกของการตอบแทนคุณพ่อ (ชวน เทียมสุวรรณ) และคุณแม่เมี่ยวเต้ง อีกทั้งยังเป็นการตอบแทนบุญคุณของคนเดชอุดมที่ให้การสนับสนุนโรงหนังในตำนานแห่งนี้ ให้ดำรงอยู่ได้ยาวนานมาจวบจน 64 ปี

ขาดทุนแต่ยังทำ

กิตติพงษ์กล่าวถึงต้นทุนการฉายหนังสมัยก่อนว่าถูกกว่าสมัยนี้มาก เพราะไม่ต้องใช้แอร์ การใช้แอร์ทำให้ต้นทุนในการใช้หนังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า และต้นทุนกับผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่สัมพันธ์กัน

“โรงหนังนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่สร้างมา และผมได้ทำในสิ่งที่หลายคนไม่มี โอกาสได้ทำ สิ่งที่ผมทำนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้กับบ้านเมือง ไม่ได้กำไรก็จริงทรัพย์สินที่ได้มาในตอนนี้ สุดท้ายมันมากกว่าสิ่งที่เราสูญเสียไป เรายอมรับว่าเราขาดทุน มันมีมูลค่าทางจิตใจและสังคม แต่ก็ไม่ใช่หนังทุกเรื่องที่ขาดทุนถึงจะมีคนดูน้อย แค่หนึ่งคนหรือสองคนเราก็ฉายตามปกติเพราะมันเป็นรอบที่เราต้องฉาย”กิตติพงษ์ กล่าว

เดชอุดมเธียร์เตอร์ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ด้วยการอาศัยความรู้จากคนรุ่นใหม่ในการทำโฆษณา ซึ่งใช้ทั้งรถแห่ ทั้งใช้ ‘เฟซบุ๊กแฟนเพจ’ โฆษณาภาพยนตร์ที่จะเข้าฉาย หรือการประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ  โดยปัจจุบันนี้ค่าตั๋วหนังที่นั่งละ 50 บาทและมีที่นั่งวีไอพี 70 บาท 10  ที่นั่ง ตอนนี้หนึ่งโรงลดที่นั่งจาก 250 ที่นั่งเป็น 120 ที่นั่ง เนื่องจากสถานการณ์โควิด

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการชมภาพยนตร์ของผู้คนที่หันไปดูหนังออนไลน์มากขึ้น ตามด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่พ่วงมากับวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด – 19 กิตติพงษ์ยืนยันว่าเดชอุดมเธียเตอร์จะดำเนินกิจการต่อไป

“ผมว่าโรงหนังที่สวยแบบโรงหนังเดชอุดมเธียเตอร์ไม่มีอีกแล้ว ผมอยากให้โรงหนังนี้เป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้กับคนเมืองเดช และคนที่มีโอกาสได้ผ่านมา เข้าถึงโรงหนังเดชอุดมเธียเตอร์ ที่เป็นโรงหนังที่อยู่คู่มากับอำเภอเดชอุดม และต่อไปเดชอุดมจะกลายเป็นชุมทางเป็นทางผ่านมีทางเชื่อมต่อกับอำเภอต่างๆ พอถึงจุดหนึ่งโรงหนังก็คงอยู่ได้ เดชอุดมก็จะกลายเป็นเมืองที่ต้องมีแหล่งให้คนได้พักผ่อน ถ้ามีแหล่งพักผ่อนที่ดี ก็จะรู้สึกดีไปด้วย

“ถ้ามาที่นี่แม้ว่ามีแต่โรงหนังอย่างเดียวขนมอะไรก็ไม่ได้ขายซึ่งผมก็ไม่เครียดเพราะสมัยโบราณผมก็ไม่ได้ขายขนมเราก็อยู่กันมาได้ เราเน้นบริการแบบเป็นกันเอง บริการเหมือนบ้าน รู้สึกปลอดภัย”กิตติพงษ์กล่าว

สุขใจใกล้บ้าน

ลาวเด้อได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ชมที่มาดูหนังที่โรงหนังเดชอุดมเธียร์เตอร์หลายคนเล่าว่า เลือกมาดูที่โรงหนังแห่งนี้ก็เพราะมีความทรงจำกับที่นี่ เคยมาดูตั้งแต่สมัยเมื่อ 10 ปี ก่อน ตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก บางคนก็เคยมากับครอบครัว บางคนก็มาใช้ช่วงเวลาพิเศษกับเพื่อน และคนรู้ใจ

‘โชค’ ชาวอำเภอบุณฑริกได้เล่าถึงการมาดูหนังที่เดชอุดมเธียร์เตอร์ว่า เขาทำงานที่เดชอุดม ดูหนังที่นี่มาหลายปีแล้ว เริ่มมาดูหนังที่โรงหนังเดชอุดมนี้เพราะลูกชายมาดูก่อนแล้วไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง เขาจึงพาลูกมาดูอีกรอบ ปกติก็ดูหนังไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่ แต่จะเลือกดูหนังใหม่ๆ บางเรื่องที่สนใจ ส่วนมากก็มาดูที่โรงหนังเดชอุดม เพราะราคาถูกด้วยส่วนหนึ่ง และที่โรงหนังเดชอุดมก็มีรอบฉายหลายรอบที่ตรงกับเวลาว่าง บางครั้งก็พาลูกๆ มาดูหลังเลิกเรียน โรงหนังนี้ก็ดีระดับหนึ่ง สะอาดน่าดู และเป็นโรงหนังที่อยู่คู่กับเมืองเดชมานานแล้ว